01 September 2014

ขอเกริ่นนำ ถึง Emotion มีความหมายว่า การเกิดการเคลื่อนไหว หรือภาวะที่ตื่นเต้น มันเป็นการยากที่จะบอกว่า อารมณ์คืออะไร แต่มีแนวคิดหนึ่ง ที่ให้ความเข้าใจได้ง่ายกล่าวไว้ว่า อารมณ์เป็นความรู้สึกภายในที่เร้า ให้บุคคลกระทำ หรือเปลี่ยนแปลงภายในตัว ของเขาเอง ซึ่งความรู้สึก เหล่านี้จะเป็นความรู้สึกที่พึงพอใจ ไม่พึงพอใจ หรือรวมกันทั้งสองกรณี อารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่คงที่มีการแปรเปลี่ยน อยู่ตลอดเวลา

การใช้อารมณ์ เป็นผลเสียต่อตัวเอง ผู้ที่มีลักษณะที่จะล้มเหลว และมีแต่ความทุกข์ใจคือผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่ยอมรับฟังผู้อื่น การใช้อารมณ์ มาตัดสินคนอื่น 

ผู้ที่ยึดตัวเองเป็นหลัก คือผู้ที่หมดโอกาสเรียนรู้โดยแท้จริงแม้ใจอยากได้แต่สิ่งดีๆ แต่สิ่งดีๆก็เข้าไม่ถึงใจ
เพราะความกลัว ใจจึง ปิด ความคิด จึงไม่ก้าว” จมปลัก อคติ

ตรงกันข้าม 

“ผู้ที่มีลักษณะที่จะประสบความสำเร็จ และพบความสุขคือผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองผู้ที่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองคือผู้ที่กล้าหาญที่จะรับฟังคำติมากกว่าคำชม คือ กล้า... ทั้งคนพวกนี้ยังจะมีความสุขในการใช้ชีวิตในสังคมอีกด้วย


Emotion (ตัดสินคนอื่น)

เราควรหลีกเลี่ยงการคิดแทนคนอื่น ไม่ว่าเราจะจริงใจอย่างไร เราก็ไม่ควรไปแนะนำคนอื่นให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้หากเขาไม่ร้องขอ เพราะความหวังดี จริงใจของเรามีไว้เพื่อช่วยเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อชี้นำใคร ต้องระวังตัวเองให้ดีสำหรับเส้นขีดระหว่างความหวังดีกับการก้าวล่วงความคิดคนอื่น

อีกเรื่องคือการตัดสินผู้อื่น ไม่ว่าเราจะจริงใจ หวังดีแค่ไหน การกระทำความคิดใดๆของคนอื่น ก็เป็นสิทธิส่วนตัวของคนนั้น เหตุผล ความคิด ความหวังดีของเรา ไม่ว่าจะจริงใจแค่ไหนก็ไม่มีทางจะถูกต้องตรงกับผู้อื่น ไม่ว่าเราจะคิดว่าเรื่องนั้นดีหรือไม่ดี ก็เป็นเพียงมุมมองของเรา ซึ่งเราเองก็คงไม่อยากให้ใครมาตัดสินการกระทำ ความคิดของเราเช่นกัน




กรณีบางกรณี อาจจะเตือนสติเราได้ไม่มากก็น้อย เช่น : 

"เด็กชายเอ (นามสมมติ) ตั้งใจเรียน แต่ขาดเรียนเป็นประจำ หรือบางวันก็หายไปจากโรงเรียนตอนประมาณ 11.00 น. แล้วกลับมาอีกครั้งตอนบ่ายสอง ครูลงโทษที่เด็กชายเอ โดดเรียนด้วยการตี เพราะคิดว่าเด็กชายเอไม่ตั้งใจเรียน เพื่อนคนหนึ่งเห็นแอบไปเห็นเด็กชายเอที่หลังวัด ก็เก้บเอามาเล่าให้เพื่อนและครูฟังว่า "สงสัยเด็กชายเอ ต้องติดกาวแน่เลย ที่หายไปเพราะมัวแต่ไปแอบดมกาวอยู่"  แต่จะมีใครรู้บ้างว่า พ่อทิ้งเขาไป แม่เป็นอัมพาต ไม่เคยได้ทานอาหารเช้า เขาต้องรีบมาวัดเพื่อจะได้เก็บข้าวก้นบาตรหลังพระฉันเพลไม่งั้นแม่ครัวอาจจะเทอาหารที่เหลือให้สุนัขและแมว ไม่อยากให้ใครเห็นว่าหนีเรียนมา ห่อข้าวก้นบาตรได้แล้ว ก็รีบออกไปหาที่นั่งใต้ต้นไม้ทานหลังวัด และแบ่งไว้ให้แม่ได้ทานด้วย  เพราะครูสงสัย ครูจึงตามไปดู และพบกับความจริงของชีวิตเด็กชายเอ ก็เลยเกิดเป็นเรื่องวัลลี ..2 ..3 ..4 ...5 เด็กกตัญญู ในสื่อต่างๆมากมาย

ยังไม่ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็อย่าเพิ่งไปด่วนสรุปว่าเป็นอย่างไร หรือตัดสิน ดี-ชั่ว งาม-ไม่งาม เพราะภาพที่เห็น อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป



ดังนั้น...

การตัดสินที่แย่ที่สุด คือ การตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึกของตัวเอง อย่าเก็บ "คำวิจารณ์" ของคนอื่นมาใส่ใจ เพราะมาตรฐานแต่ละคน แตกต่างกัน การที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ มัน คือ ความพยายามที่ "เป็นไปไม่ได้"




0 ความคิดเห็น :

Post a Comment