24 September 2018

Hotel Booking in Thailand

Find the best rate for hotel reservation with Travelling by Marine blog .
Have a good trip!





An Exceptional Hotel Contemporary
Thai - Chinese style Pattaya with 35 rooms of superior, deluxe, studio and suites....
Marine Beach Hotel Pattaya is beachfront property on Jomtien Beach,Pattaya City, Chonburi

ด้วย "ความบังเอิญ" ทำให้เราเจอกัน โรงแรมสวย ตรงหาดจอมเทียน ดีไซน์หรู แนวโมเดิร์นแบบเป็นจีน สไตล์ชิโน-โปรตุกีส ความประทับใจเกิดขึ้น ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปเลย :)

42509124_522095114918042_7149928273508564992_o42532621_522098174917736_2157559529607266304_o42489198_522095158251371_5751744607083823104_o42462542_522095384918015_8885686095837134848_o42397386_522098264917727_6560245318355517440_o42385055_522098608251026_56564740763156480_o

ห้องนอน 30 square metres เป็นเตียง Twin พักแบบ Chill Chill มี ลำโพง JBL ให้ด้วยตรงหัวเตียงห้องน้ำแยกส่วน เป็นห้องอาบน้ำกับห้องส้วม (ไม่มีภาพให้เห็น) แอบแคบนิดนึง ถ้าชาวต่างชาติตัวใหญ่ๆก็อาจจะคับไป

42473028_522098301584390_3240269039162884096_o42458087_522097251584495_4486603728815652864_o42407549_522097291584491_2017208665617989632_o42611203_522098398251047_8983957730708422656_o42470068_522098521584368_4452556969009479680_o42440952_522098478251039_6808405814299066368_o42396149_522098568251030_3864511057821171712_o

Amenities ก็ตามนี้ :
  • Individually controlled air-conditioning
  • Private balcony
  • 220v electricity supply
  • Smoke detector
  • Underbed sensor
  • Refrigerator
  • Amenities set
  • Flashlight, hairdryer and weighing scale
  • Complimentary coffee & tea, 2 bottles of water
  • LED screen television including Local Cable Program and Smart TV with several programs
42422329_522098044917749_3971407596908183552_o42449509_522097508251136_2132716639903285248_o42634067_522097358251151_287384632666619904_o42413604_522097458251141_6930399455489294336_o

" Happy Hours" เครื่องดื่ม Cocktail 1 ฟรี 1

42500872_522098648251022_1255182700239650816_o42489188_522098701584350_3864641027826515968_o

Google Map | GPS : 12.877818, 100.885178

ox8f5gj3kxEsHf1bUHZ-o42432883_522098341584386_2340248218400456704_o

Marine Beach Hotel
Facebook : https://www.facebook.com/marinebeachhotel
Website : http://www.marine-beach.com/marine-on/hotel-eng.html
Tel : 095 749 6510

PATTAYA BOOKING

SEARCH PATTAYA HOTEL & RESORTS

07 May 2018

 

Natnapatch รับบริการให้คำปรึกษาในด้านตลาดออนไลน์ และรับจัดการบริหาร ในการขายห้องพักให้กับ ธุรกิจโรงแรมต่างๆ
ผ่านเว็บไซต์ตัวแทน
( OTA & Revenue Management ) 

 โดย
ผู้มีประสบการณ์และความชำนาญการบริหารการตลาดออนไลน์ บริหารแบบมืออาชีพ จากประสบการด้านการบริหารตลาดออนไลน์ OTA มากกว่า 10 ปี เรามีความชำนาญที่จะผลักดัน ยอดการขายของห้องพักและเกิดประโยชน์สูงสุด กับธุรกิจของท่าน


โทร.099-286-1434
Email: natnapatch.s@gmail.com


 

19 April 2018

"Life is like a roller coaster. It has its ups and downs. But it is your choice to scream or enjoy the ride."

(ชีวิตก็เป็นเหมือนกับรถไฟเหาะ มันจะต้องมีทั้งขึ้นและลง แต่มันก็เป็นทางเลือกของคุณว่าจะกรีดร้องด้วยความกลัวหรือจะสนุกไปกับมัน)

ตลอดชีวิตเรานี้ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเปลี่ยนจากทารกไม่ประสีประสา เปลี่ยนไปเป็นเริ่มมีพัฒนาการความรู้ โตมาเปลี่ยนแปลงเจอเพื่อน เรียนรู้สังคม จนถึง เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต เรียนรู้ที่จะมีจุดมุ่งหมาย การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในแต่ละครั้ง ถือ เป็นจุดเริ่มของประสบการณ์ใหม่ๆ สิ่งที่สอดแทรก ในจุดเปลี่ยน คือ การเรียนรู้ การเผชิญกับความรู้สึก เชื่อว่าทุกคน เคยผ่านความรู้สึก ต่างกันตรงที่ ความรู้สึกนั้นจะแตกต่างกันไป บางคนกลัว บางคนก็รู้สึกท้าทาย บางคนเหนื่อย ท้อ กับชีวิต ท้ายที่สุด...,มันก็จะผ่านความรู้สึกนั้นมาได้ อยู่ที่ว่าการข้ามผ่านความรู้สึก แต่ละคนต้องใช้เวลา และ วิธีการต่างกันออกไป


การเปลี่ยนแปลงนั้นไม่เคยอยู่ห่างไกลตัวเราเลย..ทำยังไงที่จะรับมือกับความรู้สึก ไม่สู้ดี ลองรับรู้ความรู้สึกของตนเอง อย่าหนีความรู้สึกของตนเอง รับฟังมัน การรับรู้อารมณ์ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของการรู้จักตนเอง และลองผ่านมันมาให้ได้ 



ทั้งนี้ในเมื่อเรารู้แล้ว ต่อไปเราก็สามารถเริ่มเตรียมตัวเองให้พร้อมรับสถานการณ์ใหม่ ลองสมมุติวิธีการเรียนรู้สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ พูดง่ายง่าย คือ มีการเตรียมความพร้อมพบการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ไม่สามารถควบคุมได้ การยอมรับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่อาจเป็นเรื่องยาก แต่เราก็สามารถทำตัวเองให้ยอมรับได้ด้วยการยืนยันกับตนเองแบบที่เรายอมรับในใจ

ต่อไปนี้ใช้เวลาปรับตัวให้ชินกับชีวิตแบบใหม่ เป็นวิธีการรับมือที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงใดๆ มันคงต้องใช้เวลาในการปรับตัว "อยู่กับความเป็นจริง"

เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ลองมองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาส ที่จะได้มองชีวิตตนเองอีกครั้ง เราจะได้เห็นว่ากำลังนำชีวิตไปในทางที่ดี ถึงแม้บางครั้งจะต้องเจ็บปวด แต่การเปลี่ยนแปลงก็นำมาซึ่งสิ่งดีๆจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้งจะให้โอกาสเดินทางไปสู่อนาคตที่ก่อนหน้านี้ไม่อาจได้รับ..


Nuch-Cha

@บ้านสวนริมคลอง ฉะเชิงเทรา 12:37 /20/4/2561

25 April 2016

7 เทรนด์ฮอตที่จะครองโลกธุรกิจผ่านโมบายปี 2016

 
การใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์เพิ่มขึ้น
 
ในปี 2015 เราได้เห็นเทคโนโลยีกระเป๋าเงินออนไลน์เฟื่องฟูขึ้น เนื่องจากช่วยให้การจับจ่ายซื้อของได้ง่ายขึ้น ผู้คนที่ครั้งหนึ่งเคยไม่กล้าแชร์ข้อมูลธนาคารของตนเองผ่านระบบออนไลน์ ก็คิดว่ากระเป๋าเงินออนไลน์เป็นวิธีที่ดีในการจ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ ในอินเดีย ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินออนไลน์หลายเจ้า ทั้ง Mobikwik, Paytm, PayUmoney และ Oxigen เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในระดับโลก บริการของ Google Wallet, Apple Passbook และ Paypal ก็ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ให้กับการช้อปปิ้งออนไลน์ของผู้คน
 
ตามข้อมูลจาก Verifone จำนวนผู้ใช้งานกระเป๋าเงินออนไลน์เพิ่มขึ้น 4% ในสหรัฐฯ โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้การใช้กระเป๋าเงินออนไลน์ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากลูกค้าสามารถประหยัดเงินได้มากจากการใช้งาน กระเป๋าเงินออนไลน์เหล่านี้ผูกติดกับบริษัทอีคอมเมิร์ซชื่อดังต่างๆ รวมถึงผู้ให้บริการอื่นๆ ช่วยให้ขั้นตอนการจ่ายเงินง่ายกว่าเดิมสำหรับผู้ใช้
 
 
ประโยชน์ของกระเป๋าเงินออนไลน์หลักๆ มี 3 ข้อ ได้แก่ หนึ่ง ผู้ใช้สามารถทำการจ่ายเงินออนไลน์ได้อย่างสะดวกไม่ยุ่งยาก สอง ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินออนไลน์จะได้ค่าคอมมิชชันจากเว็บอีคอมเมิร์ซต่างๆ และ สาม รายได้ที่ได้รับจากเว็บอีคอมเมิร์ซจะสูงขึ้น เพราะยอดขายของเว็บดีขึ้น
 
การแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคล
 
แอปพลิเคชันมือถือไม่ใช่สิ่งที่จะเปิดตัวเสร็จแล้วก็ลืมมันไป หากเราต้องการดึงดูดลูกค้าให้ยังคงใช้งานแอปของเรา แอพจะต้องมอบประสบการณ์การใช้งานที่พิเศษให้กับผู้ใช้แต่ละคน เช่น หากคุณจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอป แอปนั้นก็ควรบอกข้อมูลสถานะของเที่ยวบิน หรือนำเสนอส่วนลดโรงแรมในเมืองที่คุณกำลังจะเดินทางไป
 
การแจ้งเตือนแบบเฉพาะบุคคลช่วยเปลี่ยนมุมมองที่ผู้ใช้มีต่อแอปได้
 
ทุกคนชอบให้ตัวเองได้รับความสนใจ และข้อความแจ้งเตือนที่แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจลูกค้านี้ก็มักจะได้รับการตอบรับที่ดี แอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าจึงควรตอบรับเทรนด์นี้ในสไตล์ของตัวเอง เช่น แจ้งเตือนเมื่อสินค้าที่ลูกค้าเคยกดเข้าไปดูรายละเอียดหรือเคยเพิมเข้าตะกร้าสินค้าลดราคา
 
 
ดีพลิงค์ในทุกที่
 
48% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเสิร์ชหาสินค้าและบริการผ่านเสิร์ชเอ็นจิน นี่คือจุดที่การทำดีพลิงค์ (Deep Linking) เข้ามามีบทบาท โดยเราสามารถลิงค์ให้ผลการค้นหาเข้าสู่หน้าสินค้าในแอปของเราได้โดยตรง หรือหากผู้ใช้ยังไม่เคยดาวน์โหลดแอปของเรา ลิงค์นั้นจะพาเข้าสู่หน้าดาวน์โหลดแอปให้อัตโนมัติ
 
อย่างไรก็ตาม เราไม่ควรจำกัดการดีพลิงค์ไว้แค่ในเสิร์ชเท่านั้น การดีพลิงค์ควรแทรกซึมอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย การโฆษณาผ่านโซเชียลควรสร้างดีพลิงค์เข้าไปยังแอป เพื่อให้เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา จะได้เข้าไปที่หน้าสินค้าในแอปได้โดยตรง มีรายงานว่าการทำดีพลิงค์ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอีคอมเมิร์ซถึง 12-15%
 
ส่วนลดพิเศษเฉพาะในแอป
 
หลายธุรกิจต่างปรับตัวเข้าสู่โลกโมบาย 80% ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง และการใช้งานโมบายแอปคิดเป็น 89% ของเวลาที่ผู้ใช้ใช้งานสมาร์ทโฟน ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า ยุคแห่งโมบายแอปมาถึงแล้ว แต่ปัญหาก็คือผู้ใช้กลับเข้ามาใช้งานแอปในอัตราที่ต่ำมาก ผลการสำรวจพบว่า 25% ของแอปถูกใช้งานเพียงครั้งเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของการดาวน์โหลด
 
ส่วนลดพิเศษเฉพาะในแอปจึงเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้แบรนด์รักษาผู้ใช้งานแอปไว้ได้ ผู้ใช้งานหลายคนถูกดึงดูดให้ดาวน์โหลดแอปและยังคงเล่นแอปต่อเพราะในแอปมีส่วนลดที่สามารถใช้งานได้ผ่านแอปเท่านั้น
 
การซื้อขายผ่านโมบายพุ่งแรง
 
ด้วยตัวเลขของผู้ใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่เพิ่มขึ้น ทำให้การซื้อสินค้าและบริการผ่านมือถือเพิ่มสูงขึ้นแบบทวีคูณ คอนเวอร์ชันเรตของการใช้งาน “เพิ่มเข้าตะกร้าสินค้า” ทำลายสถิติสูงสุดในการใช้งานผ่านแท็บเล็ตที่ 8.58% แท็บแลตใช้งานสะดวก และกลายเป็นเครื่องมือที่ผู้ใช้เลือกในการชอปปิ้งออนไลน์เนื่องจากหน้าจอที่ใหญ่ แถมข้อมูลจากการสำรวจอีกชิ้นยังพบว่า 56% ของผู้ใช้ ชอบใช้มือถือหรือแท็บเล็ตซื้อของมากกว่าใช้พีซีหรือแล็ปท็อป
 
ในปี 2016 นี้ เราจะได้เห็นตัวเลขการซื้อขายผ่านอุปกรณ์มือถือพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จากปัจจัยด้านค่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตราคาถูกและราคาสมาร์ทโฟนที่ลดต่ำลง
 
หาทางเก็บสถิติการใช้งานแอปเพื่อรักษาจำนวนผู้ใช้
 
“หากคุณประเมินได้ คุณก็สามารถพัฒนาสิ่งนั้นได้” มีวิธีการเก็บข้อมูลการใช้แอปด้วยการติดตาม คำนวณ และวิเคราะห์มากมาย ซึ่งอัตราการรักษาจำนวนผู้ใช้แอปก็เป็นมาตรวัดที่ดีอันหนึ่ง ตัวเลขการการสำรวจพบว่า แอปพลิเคชันหนึ่งจะสูญเสียผู้ใช้งานไปถึง 77% ในช่วงแค่ 3 วันหลังการดาวน์โหลดแอป
 
ข้อมูลการรักษาตัวเลขผู้ใช้จะต้องติดตามและคำนวณดูว่าผู้ใช้ใช้งานอยู่ในระดับไหนก่อนที่จะออกจากแอป ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้ฝ่ายพัฒนาแอปสามารถพัฒนาส่วนที่เป็นปัญหาและสร้างความแตกต่างในการใช้งานให้กับผู้ใช้ได้ด้วย
 
อีเมลแบบ Responsive คือสิ่งจำเป็น
 
ในการทำการตลาดให้กับแอป อีเมลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ยอดการเปิดอ่านอีเมลผ่านมือถือนั้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 180% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อีเมลที่ส่งหาผู้ใช้ด้วยจุดประสงค์ในการโปรโมตจำเป็นต้องเป็นอีเมลแบบ Responsive ที่ปรับขนาดได้ตามเครื่องมือที่ผู้ใช้เปิดอ่านอีเมลนั้น ปัจจุบัน มีบริษัท 22% ปรับการแสดงผลอีเมลของตนเองก่อนส่งให้กับลูกค้าในอนาคต
 
จะเห็นได้ชัดเจนว่า เทรนด์โมบายในปี 2016 นั้นมาแรงมาก และหน้าที่ในการวางกลยุทธ์ผ่านมือถือของคุณก็น่าตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะระบบปฏิบัติการมือถือนั้น พัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์ล่างหน้าได้ด้วยว่าอะไรจะเปรี้ยงหรืออะไรกำลังมา อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเราก็สามารถนำเทรนด์เหล่านี้มาเตรียมปรับตัวกับความท้าทายที่กลังจะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
 

05 September 2015


BLUE APPLE ENGLISH CENTER




ศูนย์ภาษาอังกฤษที่จะช่วยให้คุณใช้งานคล่องทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน

แจ้งวัฒนะ นนทบุรี

โทร. 089-5409058

10 May 2015


กอด คือ การดึงพลังความรักของเขาให้มาเป็นของเรา

เขียนโดย ไพลิน ถาวรวิจิตร และ GTH Team


เคยสังเกตไหม... เวลาคุณ *"กอด" *ใคร
คุณมักซบไปทางด้านซ้ายของอีกฝ่าย
อาจเป็นเพราะนั่นคือตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ
หากคุณ *"กอด"* เขาไว้นานเพียงพอ
จังหวะการเต้นของหัวใจ 2 ดวง ก็จะเปลี่ยนเป็นจังหวะเดียวกัน ในที่สุด




*"กอด"* คือเสื้อกันหนาวที่มีหัวใจ ?
*Hugging* is a jacket which has a heart.

ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะทำได้แทบทุกอย่าง แต่ข้อเสียของมันก็คือ ลุกขึ้นมา *"กอด"* คุณไม่ได้
Although a computer can do almost everything but certainly, it cannot give you *?a hug?*.

ถ้าวันหนึ่งไม่มีเธอให้ *"กอด"* แล้วฉันจะโทษใครได้ ?
If one day you are not here to *hug*, who else should I blame?



*"กอด"* คือ การแสดงความเป็นเจ้าของที่น่ารัก ?
*Hugging* is a cute expression between lovers.



แม้ชีวิตนี้คุณจะมีใครให้ *"กอด"* แม้เพียงคนเดียว นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการดำรงชีวิต ?
Even though you?ve got only one person in your life to *hug*, that?s enough.



*"กอด"* คือ การได้ให้และการได้รับพร้อม ๆ กัน ?
*Hugging* is at the same time, the giving and receiving.


ในอนาคต *"กอด"* อาจหายากพอ ๆ กับเวลา ?
In the near future, *?hug?* might be as hard to find as ?time?.



*"กอด"* ทำให้รู้ว่าเมื่อหัวใจอีกดวงมาเต้นอยู่ที่อกด้านขวาบ้างจะเป็นไง ?
*Hugging* displays that ?there will be a heart beat of others which keeps beating while you hug?



เมื่อคุณถูก *"กอด"* คุณจะตัวเล็กลง ?
When you are being *hugged*, you will be smaller.


แต่เมื่อคุณ *"กอด"* คนอื่น คุณจะตัวใหญ่ขึ้น ?
BUT When you *hug* someone, you will be bigger.



*"กอด"* คือคำว่า "ฉันอยู่นี่" ?
*Hugging* is ? I am here?.



*"กอด"* ทำให้รู้ว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลก ?
*Hugging* displays that we are not alone in the planet.



ภาษาพูดแทนความรู้สึกได้ดี แต่สำหรับบางเวลา *"กอด"* อาจเป็นตัวช่วยที่ดีกว่า ?
Speaking is the good way of feeling communication
but sometime *?hug?* might be a better assistance.



*"กอด"* คือ การแลกเปลี่ยน "ความลับทางอารมณ์" ระหว่างกัน ?
*Hugging* is the exchange of two people?s secret feelings and emotions.


*"กอด"* ช่วยสลายทิฐิบางอย่างในใจเรา ?
*?Hugging?* disintegrates some conviction in our minds.


เมื่อคุณกลับบ้าน สิ่งที่ควรทำหลังจาก ?สวัสดี? คือ เข้าไป *"กอด"* คนที่คุณรัก ?
When you are arrived home, thing you should do besides saying ?hello? is *hugging* the one you love.


บางครั้งเราไม่รู้หรอกว่าเราต้องการ *"กอด"* มากแค่ไหน จนกว่าจะได้เห็นคนอื่นเค้ากอดกัน ?
Sometime you may not realize to *hug* someone, once you observe it from others.



*"กอด"* คือ ทางสายกลางของการแสดงออกซึ่งความรัก ?
*Hugging* is a mind average of expression.


*"กอด"* คือ การเต้นรำในจังหวะเดียวกัน ?
*Hugging* is the some rhythm of heart beating.



*"กอด"* ทำให้รู้ว่ายังมีคนอ้วนกว่าเรา ?
*Hugging* defines that ?there will be someone who has more weight than you?.




สุดท้ายแล้วคนเราก็ต้อง *"กอด"* ตัวเองในที่แคบ ๆ


วันนี้คุณกอดใครแล้วหรือยัง ?





23 March 2015

The Law of Success ศาสตร์แห่งความสำเร็จ
 
 
The Law of Success เป็นหนังสือที่ได้รับการยอมรับสูงสุดจนเรียกได้ว่า เป็นหนังสือต้นแบบของหนังสือ Self-improvement ในปัจจุบัน ผู้แต่งคือ Dr. Napoleon Hills ท่านผู้นี้มีความสามารถและโด่งดังจนได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นที่ปรึกษาของ ประธานาธิบดี อเมริกา ถึงสามสมัย ผู้แต่งใช้เวลา รวบรวมข้อมูลนานกว่า 20 ปีในการสัมภาษณ์บุคคล ที่ประสบความสำเร็จทั่วทั้ง สหรัฐอเมริกา เพื่อนำข้อมูล ดังกล่าวมาวิเคราะห์ว่า บุคคลเหล่านี้มีมุมมองและแนวคิดอย่างไร ที่นำพาไปสู่ความสำเร็จ ตัวอย่างบุคคลดังกล่าวคือ Henry Ford, Firestone, Thomas Edison เป็นต้น
ใจความสำคัญของหนังสือประกอบด้วยกฎทองคำ 16 ประการ เกี่ยวกับหลักปฏิบัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จได้แก่
1. อภิจิต
คือกลุ่มคนตั้งแต่สองคนขึ้นไปที่มีแนวความคิดไปในทางเดียวกัน และมีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน คนที่จะประสบความสำเร็จ ได้จะต้องมี บุคคลเหล่านี้มาร่วมชีวิตหรือร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันจนเป้าหมายที่ตั้งไว้ประสบความสำเร็จ แต่มีข้อควรระวัง ประการหนึ่งคือ คนที่คิดไม่เหมือนกับเรา ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นศัตรูกับเราเสมอไป เพราะในการทำงานความคิด ที่แตกต่างในเชิงสร้างสรรค์ ย่อมเป็นสิ่งดีที่จะช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ได้ ดังนั้น คนที่จะเราจะเลือกมาอยู่ในทีมควร มีคนที่คิดแตกต่างแต่ไม่แปลกแยกรวมอยู่ด้วย การสร้างอภิจิตคือ การเลือกคบคน ที่จะเข้ามาในชีวิตของเราอันได้แก่ สามีภรรยา เพื่อนสนิท เป็นต้น คนเหล่านั้นจะต้องมีจิตใจที่ดี มีความเข้มแข็ง มีความเอื้ออาทร จริงใจ เต็มใจที่จะร่วมหัวจมท้ายกับเรา และมีความสามารถ ส่วนผู้ร่วมงาน ควรเลือกคนดี มีความสามารถ มีความขยันขันแข็ง หนักงาน ไม่คิดเล็กคิดน้อย ใจกว้าง และรู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม
2. มีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน
การมีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนจะทำให้ทุก ๆ พฤติกรรมของเราทั้ง การพูด ความคิด และการกระทำไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ คนที่จะมีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนได้ จะต้องรู้ว่า ตนเองมีความชอบ มีความถนัดในงานประเภทใดบ้าง และอยากจะเป็นอะไรในอนาคต การจะรู้ว่า ตนเองชอบสิ่งใดนั้น จะต้องรู้จักสังเกตอารมณ์ของตัวเองว่า เมื่อไรเราทำสิ่งใดแล้ว มีความสุขหรือเมื่อเจอคนในอาชีพใดแล้ว เรารู้สึกประทับใจ ส่วนความถนัดสามารถรู้ได้จาก คำชมจากคนรอบข้างว่า เราเก่งในเรื่องใดบ้าง เป็นต้น เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ให้สร้างเป็น มโนภาพภายในจิตใจ และเขียนติดไว้ในห้องนอนอ่านทบทวนทุกวัน เพื่อสื่อกับจิตใต้สำนึกของเราเอง นอกจากนั้น เป้าหมายของเราควรเก็บไว้ เป็นความลับ จะบอกกล่าวได้ก็แต่คนที่เข้าใจเราจริง ๆ เช่น สามีภรรยา หรือเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีความลังเลสงสัย ดูถูกดูแคลน และอิจฉาริษยาอยู่ตลอดเวลา น้อยคนนักที่จะเชื่อและช่วยเสนอแนวทางให้ไปถึงซึ่งเป้าหมายนั้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะต้องไม่ยอมแพ้กับความยากลำบากทั้งปวง ถึงแม้ว่าจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจสักเพียงไหนและจะต้องใช้เวลานาน สักเพียงใด เราต้องทำได้เพราะ "ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่า ท่านทำได้"
3. มีความมั่นใจในตัวเอง
ความมั่นใจเกิดจาก การรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ทุกแง่ทุกมุม ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ความชอบและไม่ชอบอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรา ไม่เห่อเหิมไปตามคำเยินยอของผู้อื่น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า เรามีจุดแข็งในด้านนี้ และเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์เราก็จะไม่ห่อเหี่ยวเศร้าใจ หรือโมโห โกรธามากจนเกินไปนักเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นจุดอ่อนซึ่งเรากำลังพยายามปรับปรุงแก้ไขอยู่และขอน้อมรับคำติชมด้วยความเต็มใจ ผู้แต่งได้เสนอวิธีการสร้างความมั่นใจคือ
1. ขจัดความกลัว มนุษย์ทุกคนมีความกลัวอยู่ 6 ประการ ได้แก่
กลัวความยากจน ความยากจนป้องกันได้ด้วยการมีนิสัยประหยัดอดออมและรู้จักใช้จ่ายอย่างพอดี
กลัวความชราภาพ สังขารย่อมร่วงโรยไปตามสภาวะธรรมชาติแต่จิตใจของเราต่างหากจะต้องไม่ร่วงโรยไปตามร่างกาย ป่วยกายแต่อย่าป่วยจิต
กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ มนุษย์ส่วนใหญ่รวมทั้งตัวเราเอง มักจะมองเห็นส่วนที่ไม่ดีของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว และชัดเจนมากกว่า ส่วนดีซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น เมื่อโดนวิพากษ์วิจารณ์เราต้องเลือกใส่ใจกับคำวิจารณ์ที่มาพร้อมกับทางแก้เท่านั้น คนที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว เราก็รับฟังแต่จะไม่ใส่ใจแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที
กลัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ยามรักกันอะไรก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง มนุษย์จึ่งไม่อยากสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน การพลัดพรากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปเสียไม่ได้
กลัวสุขภาพเสื่อมโทรม หากเราดูแลสุขภาพให้ดีเสียตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อดูแลสุขภาพดีก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่า มันจะเสื่อมโทรมไปก่อนวัยอันควร
กลัวความตาย ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ หากตอนยังมีชีวิตอยู่เราได้ให้ความเอาใจใส่ดูแลคนที่เรารักเป็นอย่างดีแล้ว การอยู่หรือการตาย ย่อมไม่ต่างกันเพราะคน ๆ นั้น จะอยู่ในใจของเราตลอดไป
2. มองโลกในแง่ดี คิดแต่ด้านบวก
ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เพียงแต่เราหาทางแก้แล้วหรือยัง
มองสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ให้ทะลุปรุโปร่ง เลวร้ายที่สุดของเรื่องนี้คืออะไร มีอะไรที่จะช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านั้นได้บ้าง เมื่อเราสามารถคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ได้ เราจะเกิดความมั่นใจในตัวเองทันที
Resource :www.drboonchai.com
การบริหารเวลาการบริหารเวลา First things Firstยุทธวิธีการแข่งขัน (Competitive Strategy)กินกบตัวนั้นซะ ทำสิ่งที่สำคัญก่อน วันนี้เลยศาสตร์แห่งความสำเร็จ The Law of Successเพิ่มพลังสมองเป็น 10 เท่าทำไมคนเก่งจึงไม่ประสบความสำเร็จ Talent Is Never Enoughพฤติกรรมในการทำงาน - หลุมพรางเวลา Time Trapsกลยุทธ์ในการดำเนินชีวิต Life Strategyเก่งงานได้ทั้งง่ายและสนุกแนวทางในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดกฎ 80/20 ประยุกต์ใช้กับทุกสิ่งการจัดความสำคัญก่อนหลัง Priorityการบริหารเวลาบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเทคนิคการประชุมแบบมืออาชีพ
© 2005-2015 NovaBizz
Read more: http://www.novabizz.com/NovaAce/Time/Law_of_Success.htm#ixzz3VDhAE5Gj

17 October 2014

วันนี้มาแชร์เรื่ององศาที่แตกต่าง มาดูกัน เรื่องราวของ"มีด"

องศาที่น่าสนใจของมีดต่างๆที่มี หลากหลาย

เช่น

มีดทำครัว จะมีองศาต่อด้านราวๆ 7 – 15 องศา

มีดพับทั่วไป จะมีองศาต่อด้านราวๆ 15 – 20 องศา

มีดล่าสัตว์ จะมีองศาต่อด้านราวๆ 20 – 25 องศา

มีดอีโต้/ปังตอ จะมีองศาต่อด้านราวๆ 20 – 30 องศา

มีดพร้า จะมีองศาต่อด้านราวๆ 25 – 35 องศา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า คมมีดยิ่งบาง (องศาคมน้อย) มีดยิ่งคม แต่คมจะเปราะง่าย
ซึ่งในการเลือกว่ามีดเล่มไหนต้องมีองศาคมเท่าไหร่ต้องคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานเป็นอันดับแรก

"ถ้าเอามีดที่คมบางๆ ไปฟันไม้ นอกจากจะไม่ค่อยเข้าแล้ว คมยังจะบิ่นด้วย เสียดายของ"

คิดให้ลึกๆนะ มันมีนัยสำคัญ

04 September 2014


"One man can be a crucial ingredient on a team, but one man cannot make a team."
 ~Kareem Abdul-Jabbar~

เราอาจไม่มีทางเลือกที่จะต้องรับคนรุ่นใหม่นี้เข้ามาร่วมงานด้วย แนวทางในการตั้งรับพวกเขาในมุมเหล่านี้อาจช่วยคุณได้
Gen-Y (เจ็นวาย) หรือ Y-Generation ที่หมายถึงคนรุ่นใหม่ที่อายุยังไม่เกิน 25 ปีในสมัยนี้ มักถูกพูดถึงจากผู้ที่เคยทำงานด้วยว่าเป็นกลุ่มที่ทำงานด้วยได้ยากเหลือเกิน เนื่องจากลักษณะนิสัยเฉพาะกลุ่มที่พร้อมแสดงความคิดเห็นเสมอ และมีความมั่นใจในตัวเองสูงโดยที่ไม่สนใจกับคำวิจารณ์รอบๆ ตัวแม้ว่าเรื่องนั้นอาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาได้ก็ตาม แถมยังถูกจัดว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความภักดีต่อองค์กรค่อนข้างน้อย เปลี่ยนงานบ่อยที่สุดอีกด้วย
แต่ด้วยพลังทางความคิดอันเต็มเปี่ยม มุมความคิดสร้างสรรค์ พร้อมด้วยไฟในการทำงานที่ลุกโชนได้ง่ายๆ ก็ทำให้ยากจะมองข้ามคนในยุค Gen-Y ไปได้เฉยๆ เหมือนกันและเพราะสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ถ้าเราอาจไม่มีทางเลือกที่จะต้องรับคนรุ่นใหม่นี้เข้ามาร่วมงานด้วย แนวทางในการตั้งรับพวกเขาในมุมเหล่านี้อาจช่วยคุณได้
gen y can be so confused, sometimes

เด็กรุ่นใหม่กลุ่มนี้ล้วนออกจากมหาวิทยาลัยมาพร้อมความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมว่าพร้อมเสมอสำหรับงานใหม่ๆ ทุกอย่างที่ท้าทายตลอดเวลา แต่แม้ว่าจะมั่นใจสักแค่ไหน ถ้าเด็ก Gen-Y ทำอะไรไม่สำเร็จนั้นก็มักจะรู้สึกผิดหวังมากๆ อยู่บ่อยครั้ง นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมการตั้งความคาดหวังที่ไม่ชัดเจนหรือตั้งเป้าหมายที่ไม่มีทิศทางที่แน่ชัดให้ก็ยิ่งเป็นการทำร้ายพวกเขาทางอ้อมไปในตัว เพราะพวกเขามีความสุขกับการทำให้สิ่งต่างๆ บรรลุเป้าหมายได้อยู่เสมอเพื่อให้เป็นบันได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตข้างหน้า แต่พวกเขาจะรู้สึกเหมือนเป็นแค่หนูถีบจักรที่วิ่งวนอยู่กับที่ในวงล้อถ้าหากทำอะไรก็ดูเหมือนไม่สำเร็จสักอย่างเลย
ไม่สำคัญว่าเป้าหมายจะเล็กหรือใหญ่ หากขั้นตอนนั้นได้รับการวางแผนไว้ในใจของเราเสร็จสรรพ และรู้ผลเป้าหมายปลายทางที่อยากได้แล้วละก็ ลองมอบใส่มือพวกเขาให้ลองจัดการมาให้สำเร็จได้เลย

การวางตัวกับผู้ร่วมงาน Gen-Y จึงเป็นเรื่องสำคัญ
โดยปกติแล้วเด็ก Gen-Y มักจะมีมุมมองว่างานของพวกเขาเหมือนกับเส้นทางของการศึกษาต่อหลังจบมหาวิทยาลัย ในช่วงแรกๆ พวกเขาจะกระหายใคร่เรียนรู้อะไรก็ตามที่อาจนำไปต่อยอดเป็นงานได้จริงๆ พวกเขาจึงพอใจกับการถูกเทรนงานใหม่ๆ เสมอๆ นั่นหมายความว่าในฐานะหัวหน้าทีม เราอาจต้องขุดความสามารถในการวางตัวเป็นพี่เลี้ยงที่ดีและพร้อมให้คำปรึกษาในหลายๆ เรื่องออกมาเตรียมให้พร้อมรอรับมือกันเลยทีเดียว ไม่เช่นนั้นมุมมองของเด็กๆ จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ความไม่เชื่อถือและไม่ไว้ใจว่าเราจะให้ความรู้อะไรกับพวกเขาได้จริงๆ จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่ นำไปสู่การไม่เชื่อฟังและไม่สนใจต่อคำสั่งที่ตามๆ มาในอนาคต ดังนั้นการวางตัวกับผู้ร่วมงาน Gen-Y จึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการรับฟัง ตั้งคำถามกลับไป การพูดอธิบาย หรือแม้กระทั่งการประเมินผลให้กับพวกเขา ล้วนแล้วแต่มีผลต่อพฤติกรรมและมีส่วนทั้งสร้างแรงผลักดันหรือบั่นทอนกำลังใจพวกเขาแทบทั้งสิ้น

เพื่อนร่วมงานหรือคนในทีมคือกุญแจสำคัญที่มีผลในการสร้างแรงผลักดันและในการตัดสินใจอยู่ทำงานต่อของคน Gen-Y เป็นอย่างมาก
เราอาจต้องยอมรับความจริงว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ที่เด็ก Gen-Y หวังจะทำงานในบริษัทเดียวตลอดไป
เมื่อดูตามลักษณะนิสัยแล้วจะพบคนกลุ่มนี้มักจะให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนๆ ในทีมมากกว่าในบริษัทเสียอีก นั่นเป็นเพราะความต้องการที่อยากให้สังคมยอมรับและเห็นว่าสังคมเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิต และพวกเขายังคงอยู่ในวัยที่ศรัทธารูปแบบพลังมวลชนและการก้าวไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน เหมือนกับที่ถูกปลุกเร้าให้รู้สึกเวลาพูดถึงสถาบันหรือคณะที่เรียน เป็นต้นการพยายามออกแบบงานในรูปแบบกลุ่มซึ่งทำให้มีเหตุให้ต้องทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นในทีมอยู่บ่อยๆ จึงล้วนแล้วแต่ทำให้คนเหล่านี้รู้สึกสนุกกับการทำงานได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำ

อาจเป็นเรื่องยากที่จะรักษาเด็ก Gen-Y เอาไว้ เพราะด้วยลักษณะนิสัยที่ทะเยอทะยานต้องการที่จะเติบโตทำให้พวกเขาชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ การคอยช่วยบอกเส้นทางอาชีพของพวกเขาในองค์กรหรือบอกโอกาสที่จะเติบโต รวมถึงเข้าใจความสนใจของพวกเขาว่าอยากทำงานลักษณะไหนเป็นพิเศษ เป็นอีกวิธีที่จะซื้อใจพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเราไม่สามารถหยิบยื่นโอกาสเหล่านี้ให้กับพวกเขาได้ ก็อย่าพยายามที่จะฉุดรั้งพวกเขาไม่ให้ไปหางานใหม่ที่ดีกว่า เพราะนั่นสร้างความเห็นด้านลบในใจพวกเขามากกว่าจะให้ผลดี
เราอาจต้องยอมรับความจริงว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากๆ ที่เด็ก Gen-Y หวังที่จะใช้ชีวิตวัยทำงานในบริษัทเดียวตลอดไป การค้นหาหนทางดีกว่าอยู่เรื่อยเป็นเรื่องปกติที่พวกเขามักจะทำกัน ซึ่งหากเราซื้อใจพวกเขาได้จนพวกเขารู้สึกว่าเรานี่ล่ะที่เป็นหุ้นส่วนในสายงานที่แท้จริง สักวันหนึ่งเขาอาจจะกลับมาพร้อมความช่วยเหลือที่จะมอบให้กับเราอีกครั้งก็เป็นได้
• • •
แน่นอนว่าเงินเป็นส่วนหนึ่งของแรงจูงใจในการทำงานของ Gen-Y แต่เงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะซื้อใจให้คนกลุ่มนี้ทำงานกับเราไปได้ตลอด
และแม้จะดูว่าเด็กเหล่านี้น่าจะรับมือยาก แต่ถ้าเราเข้าใจและให้สิ่งที่ตรงกับความต้องการได้ หรือเราอาจจะพูดว่าหากซื้อใจกันได้ นั่นจะเป็นกุญแจดอกสำคัญจะทำให้เด็กเหล่านี้ค่อยๆ เปิดใจเตรียมพร้อมรับการเติบโตและเรียนรู้สิ่งที่ยากขึ้นได้ในภายหลัง ดังนั้นการได้รู้จักลักษณะนิสัยเหล่านี้ไว้ก่อนพอเป็นแนวทางจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรับมือให้ได้ดียิ่งขึ้นแน่นอน

Credit : INC Quity
Photo were selectively used with cc concerned from http://lovekokkhuan.blogspot.com





02 September 2014


Original version by " Evanescence "







My Immortal" is a song by American rock band Evanescence from their debut studio album Fallen (2003). It was released by Wind-up Records on December 8, 2003 as the third single from the album. The song was entirely written by guitarist Ben Moody, with the exception of the bridge, which was later written by lead singer Amy Lee, and it was produced by Dave Fortman. "My Immortal" was included on their EP release Mystary (2003) and on the demo album Origin (2000). The version originally from Origin was later included on Fallen. The single version of the song was called "band version" because of the additional band performing the bridge and final chorus of the song.


is a piano rock song written in slow and free tempo. Moody was rumored to have been inspired to write it after the death of his grandfather. Lyrically, it talks about "a spirit staying with you after its death and haunting you until you actually wish that the spirit were gone because it won't leave you alone."[1] Critical reception towards the song was positive, with critics complimenting its piano melody. In 2005 it received a nomination for Best Pop Performance by a Duo or Group with Vocals at the 47th Grammy Awards. The song was also commercially successful, peaking within the top ten in more than ten countries. It also peaked at number seven on the US Billboard Hot 100 and topped the charts in Canada, Greece and the US Adult Pop Songs chart. The single was certified gold in the US, and platinum in Australia.

An accompanying music video directed by David Mould was filmed entirely in black-and-white in Gothic Quarter, Barcelona on October 10, 2003. The video shows Lee sitting and singing on various locations, but never touching the ground. Shots of Moody are also shown but he is never together with his band or Lee. The video was nominated in the category for Best Rock Video at the 2004 MTV Video Music Awards. The song was performed by the band during their Fallen Tour and The Open Door Tour. It was also performed live during some of their television appearances and award ceremonies such as the Billboard Music Awards.



Lindsey's Exclusive Deluxe  Album featuring 
"My Immortal" 



Original Version by "Evanescence"