28 July 2014

เพื่อนที่ดีหรือผู้ที่คอยแนะนำ ให้คำปรึกษา ชักจูงเราไปสู่สิ่งที่ดี ช่วยเหลือ สนับสนุน รวมทั้งคอยเกื้อหนุนเค้าจุนให้ชีวิตของเราดำเนินไปได้ด้วยดี ทำให้เราพบเจอแต่ความสุขความเจริญ คือ " เพื่อนแท้ "

แต่ก็มีอีกหลายคนที่คบเพื่อนไม่ดีก็มีชีวิตที่ตกต่ำเพราะเลือกที่จะอยู่หรือคลุกคลีกับคนไม่ดี  อยู่ในสังคมที่ไม่ดีหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นแหล่งอโคจรนั่นเอง เพื่อนเหล่านี้จะมีแต่ความ อิจฉาริษยา ความเบียดเบียน เอารัดเอาเปรียบ  หรือความเห็นแก่ตัว

คำว่า เพื่อน ในชีวิต ของเรา เราว่า เราเจอมาหมดแล้ว ทั้ง กัลยาณมิตร ตามที่ว่า จนถึง " เพื่อนทียม" ศัตรูในร่างของมิตรที่แฝงมา มีแต่จุดประสงค์ ในการปอกลอก เห็นแก่ผลประโยชน์ นินทา ว่าร้าย

เราขอชื่นชม ยกย่อง เพื่อนกลุ่มนึง ที่เราตัดสินแล้ว ว่า บุคคลทั้งหลายนี้ คือ เพื่อนแท้ 

เพื่อนแท้ในที่นี้ มิอาจใช่ เพื่อนที่ตายแทนได้ ไม่ได้แบ่งเบาภาระอะไรเรา แต่ เพื่อนทั้งหลายที่เรายอกย่อง เป็นเพื่อนที่น่ารัก น่าเคารพในการตัดสินใจ เป็นปรึกษาที่ดี ไม่เพิกเฉย เมื่อเรามีความทุกข์ แบ่งปันความสุข ห่วงใย ให้อภัยเสมอ เมื่อเราพลั้งผิด อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ถึงไม่อยู่ด้วยกัน เวลานึกถึงก็ทำให้เรายิ้มได้ แค่นี้ ก็มีความสุขแล้วนะ 



สามเกลอ Stand by


The Gang ชุดเล็ก




The Gang ชุดหย่าย


The Gang (ชุดน้อง)


ปล.แค่คิดถึงก็เป็นสุขใจ (ว่างๆ จะเอารูปมาอัพเดท)

By : Nuch-Cha Natnapatch 

22 July 2014

" เพียงมีความ เชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง เราจะกล้าเดินอย่างมั่นใจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง  ทั้งที่ได้ดั่งใจและไม่ได้ดั่งใจยอมรับทั้งด้านบวกและลบของโลก พร้อมหมุนตัวเองไปพร้อมกับโลกอย่างมีความสุข "เมื่อมีความกล้า สิ่งที่ตามมาคือได้ก้าว ... เมื่อหัวใจเปิดรับ ความคิดจะเปิดกว้างเปิดโอกาสให้เรียนรู้อย่างแท้จริง สิ่งดีๆ ก็จะเข้าถึงใจ เมื่อความกลัวหายไป…หัวใจจะเป็นสุขเราจะกล้าและได้ก้าว พร้อมเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ..



You should put yourself in
his shoes before you judge him

" คุณควรจะเอาใจเขา มาใส่ใจคุณก่อนที่จะตัดสินเขา" 


ใจเขาใจเรา อยู่ในสังคมมนุษย์ สิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่มนุษย์เสมอไป ใจที่เห็นแก่ตัวของเรานั่นแหละ คือสิ่งที่ควรระมัดระวังให้มาก เมื่อการกระทำต้องเกี่ยวพันกับผู้อื่น ไม่ต้องเอาใครไปใส่ใจใคร อย่าเอาเปรียบเขาก็พอ เมื่อมิได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของตนเอง แต่ก็ต้องระมัดระวังสวัสดิภาพของผู้อื่น เราไม่โกรธ เราไม่กลัว เราไม่เจ็บ แต่ผู้อื่นอาจจะโกรธ อาจจะเจ็บ และอาจจะกลัว ถึงคราวที่จำเป็นต้องกระทำแล้ว ก็ลงมือกระทำด้วยสติปัญญาเถิด ไม่ต้องมัวไปคำนึงถึงใจเรา ใจเขา หรือแม้แต่ใจใครทั้งสิ้นการรู้จัก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" หมายถึง รู้จักคิดถึงใจคนอื่น เห็นใจคนอื่น และคิดเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนมาปฏิบัติหรือพูดกับเรา ในแบบที่เรากำลังจะทำหรือพูดออกไป





อย่างเรื่องความรัก ความรัก ของคนสองคน  ซึ้งต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เพราะคนเราทุกคนเกิดมาก็ร้อยพ่อร้อยแม่ ต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป  ใครหลายคนอาจคิดว่าก็เรารักกันนิเราคิดอย่างไรเค้าก็ต้องคิดแบบนั้น หรือคิดเหมือนกับเรา แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ใช่ซะทุกอย่างหรือทุกเรื่อง ที่คู่รักของคุณยอมคุณอาจเป็นเพราะคำว่ารักก็ได้  เขาจึงไม่คิดที่จะขัดใจคุณ แต่การทำแบบนั้นบ่อยๆอาจจะเป็นผลร้ายตามมากับรักของคุณก็ได้....



เคยได้ยินสำนวนอันหนึ่งไหม ที่บอกว่า 


สิ่งที่ดูน่ากลัว มักจะไม่อันตรายสิ่งที่อันตราย มักจะดูไม่น่ากลัว ว่ากันว่า.. ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของ คนมีความรัก คือ การที่รักกันมาแนบแน่น สวยหรู 

ในเวลาอกหัก ใครจะมาบอกมาพูดอะไร สามวันสามคืน ก็ไม่ช่วยอะไรได้มาก เท่ากับการมีปัญญาขึ้นในใจเราเอง ถ้าเราเข้าใจได้ว่า คนเราเกิดมาเพื่อพบกัน เพื่อมีวันเวลาที่ดีด้วยกัน 

เวลาเจอเรื่องแบบนี้ อย่าเสียเวลาถามว่า "ทำไม" ให้มากความนะ ถ้าเรารักเขามากจริงๆ อย่างที่บอกเขาเสมอ นี่ไง.. สิ่งสุดท้ายที่เราจะให้เขาได้ "ให้อภัย" ไง

คิดเสียว่า เขาจะมีความสุขมากกว่าที่ได้อยู่กับเรา อวยพรให้เขาโชคดี ในโลกใหม่ของเขา
ไม่ต้องรอเขาหรอกนะ อย่าไปหวังลมๆแล้งๆ ว่าคนตายแล้วจะฟื้นกลับมาและถึงเขาจะกลับมา เชื่อเถอะว่า ความรู้สึกดีๆ มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว

เขาเลือกทางเดินชีวิตของเขาแล้ว เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา แล้วอยากร้องไห้ก็ร้องแต่พองาม พอให้รู้สึกว่าเรามีเลือดเนื้อ แต่อย่าร้องจนเสียจริต เหมือนคนคิดสั้น


เราอาจรู้สึกเหมือนโลกดับ วับหาย แต่เปล่าหรอก.. ชีวิตเพิ่งจะเริ่มเรียนรู้ความจริง
การเรียนรู้ความรู้สึกของการสูญเสียครั้งใหญ่ เป็นบทเรียนสำคัญของมนุษย์
ที่จะได้สอนตัวเองว่า .. อย่ายึดมั่นถือมั่น ทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
ทั้งเรา ทั้งเขา ทั้งใครๆ ทั้งสิ่งนั้น สิ่งนี้ สิ่งไหน ทั้งโลกนี้ จักรวาล และกาลเวลา


โดยไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งเลย เพราะความสวยงามราบรื่น มันทำให้เรา "วางใจ" จนอาจลืมไปว่า.. ยังไงๆ เขาก็เป็น "คนอื่น" ยังไงๆ เขาก็มีหัวใจคนละดวงกับของเรา สมองคนละก้อน ตัดสินใจได้เอง รู้สึกได้เอง ว่าจะรัก จะเลิก จะอยู่หรือจะไปและเพื่อพรากจากกันในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว เราก็จะทำใจ และปล่อยวางได้ โดยไม่ต้องการคำอธิบาย หรือตรรกะเหตุผลอะไรมากมาย 

คิดเสียว่าเขาตายจากชีวิตเราไปแล้ว คนที่เคยเป็นคนรักแสนดีของเรา เขาไม่อยู่ในโลกของเราแล้ว ...เพราะมันมีแต่ในหนังแฟรงเก้นสไตน์ 


เราก็เลือกได้เหมือนกัน ว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือ จมปลักในทุกข์นี้ต่อไป 


เพราะถึงเราจะร้องจนน้ำท่วมทุ่งกุลาร้องไห้ ก็ไม่ทำให้อะไรๆกลับมา เหมือนเดิม 





มองไปรอบๆ  ตัวของเราท่านๆ  ดูสิว่า มีคนเก่งๆ (Highly Intelligence)  จำนวนมากน้อยเพียงไรในสังคม ครอบครัวหรือที่ทำงานของเรา บางครั้งเราเองก็คงแอบคิด(หรือคิดดังๆ)อยู่เหมือนกันว่า เราก็เป็นคนเก่งคนหนึ่งหากเราพิจารณาให้ลึกลงไปอีกเราก็จะพบว่าคนเก่งๆ ของเราบางท่าน  ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน  รวมไปถึงความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ในบางกรณีอาจจะหนักข้อไปถึง  การถูกคนรอบข้างมองว่าเป็นคนเผด็จการ  ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่นเอาเสียเลย

Edward Buono ได้อธิบายกับดักของคนเก่ง หรือ Intelligence Trap ไว้อย่างแยบยลในหนังสือชื่อ Thinking Course  Buono ได้เปรียบเปรยว่า ความฉลาดของคนเปรียบเสมือนแรงม้าของรถยนต์   (Horse power) แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของรถยนต์คันนั้นๆไม่ได้ขึ้นกับแรงม้าแต่กลับขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับขี่รถยนต์ (Driving Skill) ของแต่ละบุคคล  ความหมายที่แท้จริงที่เขาหมายถึง ณ ที่นี้คือ เมื่อคุณมีความฉลาดแล้ว   คุณยังจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการคิด  (Thinking Skill) ซึ่งจะนำมาถึงการทำงานที่ประสบความสำเร็จหรือประสิทธิภาพที่ดี  ของผลงาน  มีข้อสรุป 2 ข้อ  ที่น่าสนใจดังนี้



ข้อแรกถ้าหากว่าเรามีรถยนต์ที่มีแรงม้าที่ดีอยู่แล้ว  เราต้องพัฒนาความสามารถ ในการขับขี่ของเราให้ดี  โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับรถที่มีแรงม้าแรงๆ   หากผู้ขับขี่ขาดทักษะในการขับรถนั้น  จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อตนเองและผู้อื่น   เปรียบเทียบไปก็ไม่แตกต่าง กับคนที่เกิดมาพร้อมกับมันสมองอันชาญฉลาด   แต่ขาดทักษะในการคิดเขาอาจจะไม่สามารถมีโอกาสได้ใช้ความฉลาดของเขาได้อย่างเต็มที่

ข้อ 2หากว่าเราบังเอิญมีรถยนต์ที่มีแรงม้าต่ำ  เราจะทำอย่างไร เหมือนกันกับความสามารถทางมันสมอง (IQ) ซึ่งขึ้นอยู่กับพันธุกรรมมากกว่าอย่างอื่น uono เสนอว่าในกรณีนี้ ความจำเป็นในการพัฒนาทักษะทางความคิด(Thinking Skill) มีความจำเป็นอย่างมาก

Buono ยังสรุปต่อไปว่า จากประสบการณ์และงานวิจัยของเขากว่า 25 ปี พบว่า  คนจำนวนมากที่คิดว่าตนเองเป็นคนที่มีความฉลาดสูง  (Highly Intelligence)  ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีทักษะทางการคิดที่ดี  มีเหตุผลที่สำคัญ 2 ประการที่เขาได้อธิบายไว้ได้อย่างน่าสนใจดังนี้

- คนที่คิดว่าตนฉลาดนั้น  มักจะมีมุมมองของตนเองในการ  มองเรื่องราวต่างๆ  และใช้ความฉลาดของตนอธิบายมุมมองของตนเอง ยิ่งคนๆนั้นฉลาดมากขึ้นเท่าไร  เขาก็ยิ่งอธิบายมันได้ดีมากขึ้นเท่านั้น และนั่นหมายความว่าคนๆ   นี้จะยิ่งเข้าใจผิดๆว่า  ไม่มีใครคิดหรือตัดสินใจได้ดีกว่าตนเองและหากนานเข้า เขาก็จะเริ่มไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องสอบถามหาความคิดเห็นของคนอื่นๆ(ก็ในเมื่อคิดเอาเองว่า ตนเองคิดได้ดีที่สุดอยู่แล้ว  แล้วทำไมต้องพยายามหาความคิดเห็นที่ต่างออกไปเล่า)

- ที่มากไปกว่านั้น คนที่คิดว่าตนเองเก่งกว่าคนอื่นๆ นั้นก็จะพยายามหาวิธีที่เขาจะสามารถใช้ความฉลาดของตนเองให้ได้มากที่สุด  ดังนั้นเขาจะพยายามเสาะแสวงหา   วิธีการที่เร็วที่สุดเข้าสู่ความต้องการของตนเอง(ที่คิดว่าถูกต้อง)  โดยการบอกว่าคนอื่นๆ คิดผิดหรือหาวิธีการพิสูจน์ว่าคนอื่นๆคิดผิด เพื่อจะให้คนอื่นๆรอบตัวเห็นด้วย กับวิธีคิดของตนเองภายในระยะเวลาอันสั้น

หากคนเก่งของเรา  ยังไม่รู้ตัวว่าเขาหรือเธอติดกับดักความเก่งของตัวเองเสียแล้ว  มันก็ยากยิ่งนักที่จะออกมาจากกับดักได้โดย เฉพาะอย่างยิ่ง  สำหรับคนที่มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับกลางหรือสูง  เขาจะสร้างความลำบากใจให้เพื่อนร่วมงาน  เนื่องจากว่า เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่จะทำการใดก็อาจจะสำเร็จได้ยากเพราะคนอื่นรอบตัวก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความคิดเห็นและก็คงอยากได้โอกาสได้แสดงออกถึงความคิดของตนเองเช่นเดียวกัน  ที่นอกเหนือไปจากนี้ลูกน้องของคนที่ติดกับดักแบบนี้  ก็จะรู้สึกว่ามีเจ้านายที่เผด็จ  การลูกน้องของเขาอาจเริ่มต้นด้วยการพยายามจะแสดงความคิดเห็น  แต่กาลเวลาผ่านไป  เขาย่อมเรียนรู้ว่าพูดไปไร้ประโยชน์  เจ้านายไม่ชอบให้คิดก็จะเริ่มหยุดคิดทีละน้อย  ทีละน้อย จนสุดท้ายก็พาลไม่คิดเสียเลย ลูกน้องบางคนอาจจะถึงกับลาออกและที่สำคัญเราจะหาคนที่จะพยายามบอกเขาหรือเธอให้เข้าใจถึง กับดักที่เขาติดอยู่ก็ดูว่าจะยากยิ่ง ยิ่งกว่า...



Credit : Blog Oknation